วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

น้องปอม กับปัญหาช่องปาก


ปัญหาที่มักพบในช่องปากของปอมเมอเรเนียน ได้แก่ คราบสกปรกสะสมที่ฟันและเหงือก เมื่อปล่อยทิ้งไว้อาจกลายเป็นหินปูนเกาะที่ฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เหงือกร่น มีกลิ่นปากและติดเชื้อในช่องปากได้ อีกปัญหาหนึ่งที่พบมากได้แก่ ปริทนต์อักเสบ (บริเวณระหว่างฟันและเหงือก) ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อเข้าสู่โพรงฟัน เมื่อโพรงฟันอักเสบมาก ก็จะทำให้ฟันโยกและผุตามมา ในบางครั้ง พบว่าอาจพัฒนาไปเป็นโพรงฝีหนอง และติดเชื้อที่กระดูกบริเวณใกล้เคียงได้
 
สัญญานบ่งบอกถึงภาวะช่องปากอักเสบ ได้แก่เหงือกแดง เหงือกร่น บางครั้งอาจมีเลือดออกร่วมด้วย น้ำลายไหลเยอะผิดปกติ น้ำลายอาจมีเลือดปน มีคราบฟันหรือหินปูนเกาะที่เหงือกและฟัน ฟันผุ หัก หรือแตกบิ่น มีกลิ่นปาก สุนัขบางตัวอาจกินอาหารลดลง เนื่องจากเจ็บปาก ทำให้ไม่อยากเคี้ยวอาหาร
 
การรักษาสุนัขที่มีช่องปากและฟันอักเสบนั้น อาจต้องรักษาหลายวิธีร่วมกัน ในกรณีที่มีคราบหินปูนมาก และมีฟันผุ จำเป็นที่จะต้องขูดหินปูน และถอนฟันซี่ที่ผุมากออกไป ซึ่งการขูดหินปูนให้สุนัขนั้นจำเป็นต้องมีการวางยาสลบ จึงต้องมีการตรวจเลือดเพื่อประเมินสุขภาพของสุนัข ก่อนการวางยาสลบและขูดหินปูนด้วย
 
โดยมากมักให้ยาปฎิชีวนะเพื่อลดการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ถ้ามีเหงือกและช่องปากอักเสบรุนแรงอาจต้องให้ยาลดอักเสบในกลุ่มสเตียรอยด์ นอกจากนี้อาจใช้ยาป้ายปากหรือสเปรย์พ่นปากเพื่อลดการติดเชื้อและบรรเทาอาการอักเสบร่วมด้วย
 
การป้องกันช่องปากอักเสบและฟันผุที่ดีที่สุด คือการแปรงฟันและแปรงลิ้นให้สุนัขเป็นประจำ แนะนำให้ยาสีฟันของสุนัขโดยเฉพาะ ซึ่งมีรสชาดที่สุนัขชื่นชอบ ไม่แนะนำให้ใช้ของคน เนื่องจากยาสีฟันของคนนั้นห้ามกลืน ต้องบ้วนออกและสุนัขบ้วนทิ้งไม่เป็น
 
นอกจากนี้ยาสีฟันของคนนั้น มักมีฟองเยอะ ซึ่งสุนัขไม่ชอบ การเลือกยาสีฟันของสุนัขนั้นให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบ เพราะอาจทำให้เกิดคราบเกาะที่ฟันเพิ่มชึ้น หรืออาจใช้ยาสีฟันทำเอง โดยผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับน้ำคั้นว่านหางจระเข้ ในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง และเติมเบกกิ้งโซดาเล็กน้อย (ที่มีของสูตรยาสีฟัน : http://natural-dog-health-remedies.com)
 
เคล็ดลับในการหัดแปรงฟันให้สุนัข ทำให้สุนัขรู้สึกว่าการแปรงฟันเป็นเรื่องสนุกสนาน เช่นอาจให้รางวัลสุนัขเวลายอมให้แปรงฟัน และอาจฝึกให้สุนัขคุ้นกับยาสีฟันโดยให้สุนัขเลียยาสีฟันเล็กน้อยบนแปรงสีฟันของสุนัขทุกวัน ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้คุ้นกลิ่นยาสีฟัน และไม่ต่อต้านการแปรงฟัน
 
จำไว้เสมอว่า จุดสำคัญที่ต้องเน้นในการแปรงฟัน คือ บริเวณรอยต่อระหว่างฟันและเหงือก
 
ก่อนแปรงฟันให้เจ้าของนวดบริเวณแก้มของสุนัขเบาๆสักพักให้สุนัขรู้สึกผ่อนคลาย แล้วค่อยเริ่มเปิดปากเพื่อแปรงฟัน เริ่มจากฟันบนไปยังฟันล่าง ในวันแรกๆแปรงแค่ประมาณ 5-10 วินาที ในฟันแต่ละซี่ หลังจากนั้นค่อยๆเพิ่มเวลาการแปรงฟันไปเรื่อยๆ จนได้ประมาณ 1 นาที สำหรับฟันบน และอีก 1 นาทีสำหรับฟันล่าง
 
นอกจากนี้การเลือกให้อาหารก็มีผล พบว่าอาหารที่ใช้เลี้ยง ควรเป็นอาหารแห้งที่สุนัขมีโอกาสได้ขบ เคี้ยว แทะ จะดีกว่าให้อาหารเปียกหรือาหารกระป๋อง ควรป้องกันไม่ให้สุนัขมีนิสัยคุ้ยเขี่ยอาหารสกปรกหรือคุ้ยขยะมากินด้วย

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เจ้าบู(Boo) ปอมปอมน้อย


         
นาทีนี้ไม่มีน้องหมาตัวไหนโด่งดังไปกว่าเจ้า "บู" (Boo) สุนัขปอมเมอเรเนียน มินิเจอร์สีน้ำตาลที่แสนน่ารัก น่ากอดตัวนี้อีกแล้ว เพราะเพียงแค่คลิปวีดิโอที่โพสต์ในเว็บไซต์ยูทูป ก็มีคนคลิกเข้าไปชมความน่ารักของมันแล้วเป็นล้าน ๆ ครั้ง แต่แค่นี้ยังจิ๊บ ๆ นะจ๊ะ เพราะเจ้าบูยังแอบมีเฟซบุ๊กส่วนตัวกับเขาด้วย แถมมีชาวไซเบอร์แอบหลงรักจนเผลอตัวเผลอใจกด Like ให้เจ้าบูไปแล้วกว่า 1 ล้านคนด้วยแหนะ

  โดย (เจ้าของ) เจ้าบู อัพเดทข้อมูลในเฟซบุ๊ก BOO ว่า "ฉันชื่อบู ฉันเป็นสุนัขตัวหนึ่ง และคนทั่วไปก็รักฉันมาก" พร้อมกับบอกว่า ตัวเองชอบสีชมพูชอบทานเนื้อไก่ ชีสดอกไม้ ใบหญ้า ดิน แถมยังชอบวิ่งออกไปเล่นนอกบ้าน นอกจากนี้ ยังชอบสวมเสื้อเชิ้ต เล่นในเวลาว่าง ๆ ด้วยซะงั้น 







วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การดูแลขน ของน้อง ปอม คะ :)

อุปกรณ์การแปรงขน 





1. แปรงไม่มีหมุด (Pin Brush)...ทำจากโลหะ แปรงที่ดีควรเป็นสเตนเลส ซึ่งไม่ทำให้ขนเป็นไฟฟ้าสถิตเวลาแปรงและไม่เป็นสนิม พื้นแปรงควรเป็นยางนุ่มยืดหยุ่นได้เวลาแปรงเพื่อไม่ให้น้องปอมเจ็บ ปลายเข็มมนแต่ไม่หุ้มหรือเคลือบพลาสติกที่จะทำให้ขนขาดได้ แปรงไม่มีหมุดนี้จะไม่ดึงขนชั้นในดังนั้นจึงแปรงได้ทุกวันเพื่อป้องกันขนพันกัน




2. หวี (Steel Comb)... หวีเหล็กที่มีสองความถี่ในด้ามเดียวกันไม่ว่าจะเป็นแบบสองด้านหรือด้านเดียว
นั้นเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ในการตรวจหาขนพันกันและใช้แก้สังกะตัง ซึ่งแปรงชนิดอื่นๆนั้นไม่สามารถทำได้



3. แปรงสลิคเกอร์ (Slicker Brush)...แปรงชนิดนี้มีขนเป็นลวดอ่อนวางถี่ๆบนหน้าแปรงใช้แปรงขนชั้นใน โดยควรใช้แปรงบริเวณที่ขนพันกันได้ง่ายเช่น หลังใบหู ซอกขา และ รักแร้ เป็นต้นเพื่อช่วยแก้ขนพันกันในระยะต้นๆและเป็นการป้องกันสังกะตังไปในตัว



4. มีดสางขน (Dematting Tools)... ในกรณีที่น้องปอมขนพันกันแบบเกินจะเยียวยาด้วยแปรงหรือหวีไปแล้วนั้น การมีมีดสางขนไม่ว่าจะเป็นแบบคราด หรือ แบบเคียว จะช่วยแก้ขนพันกันให้คุณได้โดยไม่ต้องตัดออกทั้งกระจุกจนแหว่ง แต่ขนจะดูบางลงและสั้นลงเล็กน้อยเท่านั้น



5. แป้งเด็ก หรือ แป้งฝุ่น (Talcum Powder or Baby Powder)...สำหรับใช้โรยบนขนเพื่อไล่ความชื้นและน้ำมันที่ทำให้ขนลีบไม่ฟูออกมา

6. สเปรย์บำรุงขน (Leave-In Conditioner)... ในบางครั้งขนสุนัขแห้งมากๆนั้นคุณควรใช้สเปรย์บำรุงขนที่มีส่วนผสมของครีมนวดที่ช่วยให้ขนชุ่มชื่นและลื่นขึ้นก่อนจะเริ่มแปรง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ขนขาดและช่วยให้หวีหรือแปรงง่ายขึ้น และยังให้น้องปออมมีกลิ่นหอมอีกด้วย




วิธีการแปรงขนน้องปอม
การแปรงควรจะแปรงตามลำดับดังนี้คับ


1. ขนใต้ท้อง... ให้น้องปอมนอนหงายบนตักของคุณ (น้องปอมส่วนใหญ่จะไม่ชิน เพราะฉะนั้นควรจะเริ่มทำตั้งแต่เค้ายังเด็ก โดยพูดกับเค้าดีๆหรือมีขนมให้เป็นรางวัลบ้างจะช่วยให้เค้ารู้สึกดีกับการแปรงขนในท่าต่างๆและจะชินไปเองในที่สุด) 
เริ่มแปรงที่หน้าท้องขึ้นไปจนถึงขาหน้า โดยแบ่งขนเป็นชั้นๆจากโคนถึงปลาย ด้วยแปรงไม่มีหมุด 
จากนั้นแปรงตามซอกขาหน้า หลัง และรักแร้อย่างละเอียดเพื่อไม่ให้ขนพันกัน

2. ขนตามลำตัว... แบ่งขนน้องปอมที่กลางหลังให้ออกเป็นสองส่วน แปรงขนด้วยแปรงไม่มีหมุดจากโคนถึงปลายเป็นชั้นๆ ข้างใดข้างหนึ่งให้เสร็จก่อนจึงแปรงอีกข้าง

3. ขนต้นคอและหลังใบหู... ควรแปรงขนส่วนนี้อย่างละเอียดที่สุดเนื่องจากเป็นบริเวณที่ขนสามารถพันกันได้ง่ายมาก โดยใช้ปลายแปรงไม่มีหมุดเขี่ยขนชั้นในและนอกออกให้ตั้งขึ้นเป็นชั้นๆ และใช้แปรงสลิคเกอร์แปรงขนข้างหูเพื่อป้องกันขนพันกัน

4. ขนหน้าอก... ใช้แปรงไม่มีหมุดแปรงทวนทิศทางที่ขนขึ้นที่ละชั้น

5. ขนหาง... ใช้หวีเหล็กหวีขนหางทั้งด้านนอกและใน แล้ววางหางพาดบนกลางหลังของน้องปอม

6. ขนส่วนก้น และ สะโพก... ใช้แปรงไม่มีหมุดแปรงขนทีละชั้น โดยแปรงขนานกับส่วนก้นและส่วนสะโพก

7. เมื่อแปรงขนตามส่วนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ใช้หวีเหล็กหวีให้ทั่วลำตัวเพื่อตรวจดูว่ายังมีขนพันกันอีกหรือไม่ หากพบขนพันกันให้ค่อยๆแปรงแก้ขนพันกันอย่างเบาๆทีละน้อย จะใช้สเปรย์แก้ขนพันกันที่ช่วยให้ขนลื่นและแก้ง่ายขึ้นช่วยก็ได้เพื่อที่น้องปอมของคุณจะได้ไม่เจ็บ 
จากนั้นให้ปอมของคุณยืนขึ้นแล้วแปรงให้เข้าทรงโดยแปรงไปด้านหน้าเริ่มจากส่วนหัวไหล่ไปจนถึงโคนหาง



วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554







 ปอมเมอเรเนียนตัวเล็ก
( เห่าเก่ง และสวยงาม)


ลักษณะทั่วไป


    สุนัขปอมเมอเรเนียนหรือเรียกสั้นๆ ว่า น้องปอมอยู่ในกลุ่ม Toy Group มีขนาดกระทัดรัด หลังสั้น ขนชั้นล่างอ่อนนุ่ม แน่นทึบ ขนชั้นนอก ยาว ฟู มีมาก ค่อนข้างหยาบ ตำแหน่งโคนหางสูง ขนหางแน่น เป็นพวง หางวางราบบนหลัง ปอมส่วนใหญ่ ท่าทางตื่นตัว ร่าเริง อยากรู้อยากเห็น แสดงความฉลาดให้เห็นได้เสมอ มีย่างก้าวที่คล่องแคล่ว สง่างาม และมั่นคง




ความเป็นมา


     บรรพบุรุษของน้องปอมย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์
เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นน้องปอมในปัจจุบัน ครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์

     ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น
      แสดงว่าสุนัขพันธุ์ปอมนี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก
     ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์ ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็นฝูง บางแห่งทำเป็นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อยครั้ง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมฯ ที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมีการสั่งนำเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็นวงรีสีดำ หูเล็กตั้งตรง ลำตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง


การดูแล




      การที่จะรักษาขนของสุนัขปอมเมอเรเนียน ให้สวยงามนั้นทำได้ง่ายมาก เจ้าของสุนัขใหม่ๆส่วนใหญ่จะเชื่อว่า จะต้องอาบน้ำให้สุนัขทุกสัปดาห์ และต้องคอยแปรงขนตลอด ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และจะทำให้ขนของเค้าเสียอีกด้วย
      การอาบน้ำบ่อยเกินไป จะทำให้ขนของปอมเมอเรเนียนแห้ง บาง และทำให้ขนร่วงตลอดเวลา การใช้โลชั่น และน้ำยาทำความสะอาดชนิดต่างๆ ติดต่อกันก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบได้ส่วนใหญ่แม้ว่าขนชั้นนอกจะสกปรกแล้ว แต่ขนชั้นในก็จะยังคงสะอาดอยู่ ด้งนั้นการแปรงขน เพียงสัปดาห์ละครั้ง และใช้ฟองน้ำชุบน้ำสบู่อุ่นๆ ลูบขน จากนั้นจึงเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดอุ่นๆ ซึ่งบิดพอหมาดๆ ก็นับว่า เพียงพอที่จะทำให้ขน ของปอมเมอเรเนียนอยู่ในสภาพดีแล้ว

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

        เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่มีเวลาเอาใจใส่ดูแลเรื่องความสวยงามของสุนัข จำเป็นต้องมีการดูแลตัดแต่งขนของสุนัขอยู่เสมอเพื่อความสวยงาม นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีพื้นที่ในการเลี้ยงที่จำกัด

รูปภาพ น่ารัก ของน้องปอม ๆ












น่ารักมั้ยค๊า า ...?